จักรยาน กับความนิยมในบ้านเรา จะมีมาเป็นพักๆ คือมีความนิยมแล้วก็พักไป ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้มันเป็นแบบนั้นนะครับ เริ่มต้นเมื่อช่วงที่มีกระแสของจักรยานฟิกเกียร์ ที่ทำให้การปั่นจักรยานได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นรวดเร็ว
จนเป็นกระแส และเริ่มต้นมีทางเลียบรันเวย์ที่สุวรรณภูมิ ปั่นข้างถนน มาเป็นสนามเขียว ที่มีความยาว 23.5 กิโลเมตร และล่าสุดปรับปรุงเป็น Skylane ที่อุปถัมป์โดยธนาคารไทยพาณิชย์ และ การท่าฯ ซึ่งช่วงหลายปีก่อนเราอาจจะเป็นการออกทริปบนถนนกรุงเทพฯ ที่บ้างก็ปั่นกันเป็นระเบียบ บ้างก็เป็นขาแรงสร้างความรำคาญให้รถบนถนนบ้าง มีคละกันไปหลายแบบครับ
แต่ที่แน่ๆ สำหรับคนที่ปั่นจักรยานเป็นประจำแล้ว เหตุผลอย่างหนึ่งก็คงเป็นเรื่องของการอยากมีสุขภาพที่ดีนั่นเอง ทำให้หลังจากที่ความนิยมลดลง ก็ยังคงมีกลุ่มคนที่ยังคงไปปั่นที่ Skylane อย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่า แดดจะแรง หรือฝนจะตก ก็ไม่สนใจ ยังคงไปปั่นสม่ำเสมอ (เรื่องลมไม่ต้องพูดถึง จากประสบการณ์ส่วนตัว ที่นี่คือ มีลมแรง กะ มีลมแรงมาก)
โดยส่วนตัวเป็นอีกคนที่ปั่นจักรยาน และก็ได้มีโอกาส เอาจักรยานธรรมดาเนี่ยแล่ะ ไปอัพเกรด ติดมอเตอร์เข้าไปให้กลายเป็นจักรยานไฟฟ้า ซึ่งต้องบอกเลยว่า ช่วยเบาแรงได้เยอะมาก แถมยังช่วยเร่งในบางจังหวะที่สำคัญ เพราะผมเองเป็นคนที่ใช้ปั่นไปซื้อของออกไปยังถนนใหญ่ หรือในบางครั้งที่เกิดบ้าพลัง ก็ปั่นไปทำงานระยะทาง 30 กิโลครับ แต่ก็ไม่ได้ติดตั้งมอเตอร์ตัวใหญ่ ที่เน้นความแรงและเร็วมากๆนะครับ ซึ่งผมได้ติดตั้งมอเตอร์แค่ 350 watts เท่านั้นทำความเร็วแบบกินแบตก็ได้แค่ 35-40 km/hr เท่านั้นครับ
แต่ก็มีคำถามกลับมาว่า แล้วถ้าคนที่ปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ การเอาจักรยานไฟฟ้า มาปั่นมันจะได้อะไรมั้ย ในเมื่อเราให้มอเตอร์มาช่วยกำลังขาของเราแล้ว??
เรื่องนี้เคยอ่านเจอบทความ ที่มีการทดลอง ซึ่งแบ่งกลุ่มเป็น กลุ่มแรกปั่นจักรยานแบบธรรมดา และอีกกลุ่มให้ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลงไปในแทรคเดียวกัน ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ คนที่ใช้จักรยานธรรมดา ย่อมมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงกว่าแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ในฝั่งของกลุ่มที่ใช้จักรยานไฟฟ้า อัตราการเต้นของหัวใจก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะปั่นจักรยานอะไร ก็เป็นการออกกำลังกายแบบ cardio เช่นเดียวกัน และพอเอาเรื่องนี้มารวมกับ ทฤษฎีการออกกำลังกาย Zone 2 ก็เลยน่าสนใจมากกขึ้นว่า ด้วยระบบช่วยปั่น (Pedal Assistance) ช่วยให้เราได้ออกกำลังกายแบบคุมโซนได้ง่ายขึ้น และยังมีความสนุกสนานจากการปั่นอีกด้วย ทั้งนี้เราไม่นับรวมจักรยานไฟฟ้า แบบที่เราใช้บิดหรือกดปุ่มอย่างเดียวนะครับ
แต่ข้อดีอย่างนึงเลยก็คือ จากการทดลอง คนที่ไม่เคยปั่นจักรยานไฟฟ้าและได้มาร่วมทดสอบ ส่วนใหญ่ ก็รู้สึกสนุก และชื่นชอบในการปั่นจักรยานไฟฟ้า จึงเป็นข้อดีในมุมที่ว่า บางครั้งการแซะตัวเองให้มาออกกำลังกายนั้นมันก็มีความยากอยู่เหมือนกัน แต่หากทำให้มันสนุกขึ้น ก็จะทำให้เราอยากจะออกกำลังกายมากขึ้น ยังรวมไปถึงการออกกำลังกายได้นานขึ้นอีกด้วย
สิ่งที่น่ากังวลใจก็คือ ในบางครั้งคนที่ปั่นจักรยานไฟฟ้านั้นใช้ความเร็วสูงเกินไป เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ป้องกันอุบัติเหตุที่ใส่อยู่ เช่นหมวกกันนอค หรือเครื่องแต่งกายอื่นๆ หรือบางครั้งการไปปั่นในเลนจักรยาน ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น