เมื่อความกังวลเรื่องสารกันบูด นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เราเชื่อว่าหลายคนที่เลี้ยงหมาด้วยความใส่ใจ
คงเคยมีช่วงเวลาที่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า
อาหารที่หมาเรากินอยู่ทุกวัน… ดีพอหรือยัง?
สำหรับบ้านเรา จุดเปลี่ยนไม่ได้มาจากอะไรซับซ้อนเลยครับ มันเริ่มจาก ความรู้สึกไม่สบายใจ เวลาหยิบซองอาหารเม็ดขึ้นมา แล้วเจอส่วนผสมที่อ่านแล้วไม่แน่ใจว่า จำเป็นแค่ไหน
สารกันบูด / วัตถุกันเสีย
เราไม่ได้บอกว่าอาหารเม็ดไม่ดี หรือว่ามีอันตรายแน่นอน แต่เวลาที่เราเห็นคำว่า สารกันเสีย สารกันบูด วัตถุกันเชื้อรา บนฉลาก เราก็อดคิดไม่ได้ว่า
ถ้ามอมแมมต้องกินสิ่งนี้ทุกวัน ตั้งแต่เด็กจนแก่ เรารับได้จริงไหม?
แม้ในเชิงวิชาการ อาจมีขอบเขตที่ปลอดภัย แต่ในมุมของคนเลี้ยง เรารู้สึกว่า ถ้ามีทางเลือกอื่นที่เราคุมคุณภาพได้มากกว่า เราก็อยากลองเลือกทางนั้นดู และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่เราเปลี่ยนจากอาหารเม็ด มาเป็น อาหารปรุงเอง (โฮมคุ้ก)
จากอาหารเม็ด สู่โฮมคุ้ก
เราทำอาหารให้มอมแมมด้วยตัวเอง ใช้วัตถุดิบสดใหม่ เน้นเนื้อสัตว์ ปรุงแบบเรียบง่าย ไม่ปรุงรส ไม่ใส่น้ำมัน มื้อเช้าหลังพาเดินขับถ่าย คือ มื้อหลักของมอมแมม เพราะเราเลือกให้กินแค่วันละ 1 มื้อ พอตกเย็น เวลาออกไปเดินเล่นรอบสอง เราจะพกขนมเสริมโปรตีนไปด้วย เป็น เนื้ออบแบบไม่ปรุง (เช่น เนื้อวัว ประมาณ 150 กรัมตอนดิบ) ฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใช้เป็นรางวัลระหว่างฝึก หรือเรียกกลับ แต่แม้ว่าโฮมคุ้กจะดีในแง่ความสดใหม่และคุมวัตถุดิบได้
เราก็เริ่มเห็นปัญหาในอีกด้าน คือเรื่องของ แคลเซียม
การไม่มี กระดูก ในอาหาร คือปัญหาที่ต้องแก้
เวลาปรุงอาหารเอง เราจะไม่ใส่กระดูกแน่นอน เพราะเสี่ยงและย่อยยาก แต่นั่นแหละครับ ทำให้เกิดช่องว่างของแร่ธาตุบางชนิด โดยเฉพาะ แคลเซียม เราพยายามเติมด้วยการบดเปลือกไข่ หรือใช้แคลเซียมผง แต่ก็ไม่มั่นใจว่าคำนวณได้ดีพอไหม และนั่นคือจุดที่เราตัดสินใจลองเปลี่ยนอีกครั้ง
บาร์ฟสำเร็จรูป ทางเลือกที่ลงตัวมากกว่าที่คิด
เราลองใช้ อาหารบาร์ฟแบบสำเร็จรูป ที่ระบุชัดเจนว่าใส่อะไรบ้าง เช่น เนื้อบด, กระดูกไก่หรือเป็ด, อวัยวะภายใน และไม่มีสารกันเสีย ซึ่งตอบโจทย์ทั้งในแง่โภชนาการ และความสบายใจของเราเอง และเพื่อให้สมดุลกับความต้องการของมอมแมม เราจะ คลุกผักนึ่งสุก ลงไปเองทุกมื้อ เช่น บร็อคโคลี่ แครอท ดอกกะหล่ำ รวมถึง บลูเบอร์รี่บด ที่เราใส่เพิ่มเล็กน้อย เพื่อสารต้านอนุมูลอิสระ
ส่วนการเติมผักลงไปช่วย ลดความหนาแน่นของโปรตีน เพราะหมาบางตัวถ้าได้โปรตีนสูงเกิน อาจไม่เหมาะ และเราก็อยากให้เขาได้ใยอาหารในแบบที่ย่อยง่ายด้วย
ผลลัพธ์ที่เราสังเกตได้จากมอมแมม
- กินได้ดีมาก แววตาระหว่างรอกินคือคำตอบ
- อึแห้งขึ้น กลิ่นเบาลง เก็บง่ายด้วย
- ไม่ต้องกังวลเรื่องแคลเซียมอีก เพราะมีในกระดูกที่บดมาให้
- ดูนิ่งขึ้น สงบขึ้น โดยรวมหลังอาหารมื้อเช้าจะพร้อมเรียนรู้และฝึกมากขึ้น
แล้วบาร์ฟเหมาะกับคุณหรือไม่?
บาร์ฟไม่ใช่ทางลัด แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด เราไม่ได้ทำเองตั้งแต่ 0 แค่เลือกบาร์ฟที่ไว้ใจได้ แล้วเติมส่วนที่อยากควบคุมเองลงไป อาหารที่ดี ไม่ใช่สิ่งที่ คนอื่นว่าดี แต่มันคือสิ่งที่ คุณเข้าใจว่าหมาเรากำลังต้องการอะไร และเราดูแลมันได้ไหม
แล้วอาหารดิบอย่างบาร์ฟ ปลอดภัยจริง ๆ เหรอ?
คำถามนี้ตอบตรง ๆ คือ ขึ้นอยู่กับการจัดการครับ หลายคนกังวลว่าอาหารดิบอาจมีเชื้อโรค เช่น Salmonella, E. coli หรือ Listeria ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ และ ไม่ควรมองข้าม แต่ในโลกของบาร์ฟ มีคำว่า ปลอดภัยไม่ใช่เพราะดิบไม่เสี่ยง แต่เพราะเรารู้วิธีลดความเสี่ยง
นี่คือสิ่งที่เราทำ เพื่อให้บาร์ฟที่มอมแมมกินปลอดภัย
1 เลือกแหล่งที่ไว้ใจได้
- เราใช้บาร์ฟแบบสำเร็จรูปจากแบรนด์ที่มีมาตรฐาน
- ต้องแสดงส่วนประกอบชัดเจน, แหล่งเนื้อ, กระบวนการผลิต และมีระบบแช่เย็นที่ดี
2 เก็บในช่องแช่แข็งลึก
- เราเก็บแยกจากของใช้คน, ใช้ถุงซิปล็อกเฉพาะ
- เวลาจะใช้ถึงค่อยละลาย (ไม่แช่ช่องธรรมดาทิ้งข้ามวัน)
3 ละลายแบบคุมอุณหภูมิ
- ไม่วางบนเคาน์เตอร์ทิ้งไว้
- ละลายในตู้เย็น หรือในน้ำเย็นแบบซีลปิดสนิท
4 ทำความสะอาดหลังการเตรียมอาหารทุกครั้ง
- ทั้งพื้น, ชาม, มือ, เขียง ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ปลอดภัยกับสัตว์
เมื่อเราจัดการถูกต้อง ความเสี่ยงลดลงมากจนเรารู้สึก มั่นใจ
และในทางกลับกัน เราก็เชื่อว่า ความเสี่ยงจากการสะสมของสารเคมีบางอย่างในอาหารเม็ด ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน