Close

Keychron K2 Pro สัมผัสดีที่สุดในความเห็นส่วนตัว

วันนี้อยากเขียน ไม่สิ ต้องบอกว่า อยากพิมพ์เรื่องราวของ Mechanical Keyboard ยี่ห้อยอดนิยม Keychron ซึ่งตามรูปก็คือ ยี่ห้อนี้ผมได้มีโอกาสซื้อมาใช้ทั้งหมด 3 ตัว เริ่มจาก Keychron K10 Silent, K2 Pro, และตัวล่าสุด K7 Pro โดยเจ้า K10 Silent ตัวแรกถือเป็นประสบการณ์ที่แปลก เพราะไม่ได้ตั้งใจซื้อยี่ห้อนี้ตั้งแต่แรก ถ้าจะเล่าก็ต้องย้อนความไปตั้งแต่ช่วงต้นปีที่อยากประกอบคอมพิวเตอร์ซักตัวนึงเอาไว้ใช้งานที่บ้าน และก็เลยวางแผนว่าจะไปเดินหาซื้อที่งาน คอมมาร์ท ในช่วงต้นปี แต่ก่อนหน้านั้นก็ดูว่า พวกอุปกรณ์เสริมต่างๆที่จะหาซื้อ บางตัวเรากดสั่งซื้อกันในเว็บช้อปปิ้งไว้เลยดีกว่า ก็เลยได้ Mechanical Keyboard แบรนด์จีนมารอไว้ก่อน ซึ่งเป็นคีย์บอร์ดไซส์ 68 ที่ไม่มีปุ่ม numpad รวมถึงไม่มีฟังชั่นคีย์ ตั้งแต่ F1 – F12 เลย 

ซึ่งพอประกอบคอมเสร็จ ก็เอามาจับวางคู่กันถูกใจไปเลย แต่แล้วก็มีคอมเม้นท์มาจากผู้ร่วมใช้งานตัวนี้ คุณแจนแฟนผมก็บอกว่า เฮ้ยพี่ คีย์บอร์ด อันนี้มันไม่มีตัวเลขอะ ถ้าใช้งานด้วย มันจะไม่ค่อยถนัดอะ จบกัน คีย์บอร์ดขนาดมินิมอลของกรู อะได้ๆๆ เดี๋ยวไปหาฟูลไซส์คีย์บอร์ดมาวางให้ใช้ละกัน ก็เลยไปเลือกซื้อเลือกหาในงานคอมมาร์ทวันท้ายๆ ซึ่งก่อนไปเดินหาก็มองหารุ่นให้ตรงกับคอมและโต๊ะวางก็เลยมองไปเห็น Razer Pro Type สีขาวสวยๆ ซึ่งไปเดินในงาน เจออยู่บางร้านแต่ราคาก็แรงเอาการ กำลังจะตัดสินใจวนๆ เพื่อไปซื้อ แต่ก็มาสะดุดที่ร้านอุปกรณ์เกมมิ่งร้านดัง (จิ๊บๆ)  มันตอกหน้ามาว่า พี่เคยซื้อของยี่ห้อนี้มั้ย ยี่ห้อนี้เค้าไม่ได้ทำอุปกรณ์สีขาวนะครับ มันเป็นเกมมิ่งมันมีแต่สีดำ พี่เคยซื้อใช้บ้างมั้ยครับ อะ..ไอน้อง อยู่ๆ ก็มาทำให้หงุดหงิดก็เลยหัวเสียไม่องไม่เอามันละยี่ห้อ Razer 

สุดท้ายไปเดินที่บูธ Silicon Studio ซึ่งในงานเอาคีย์บอร์ดมาให้ลองเพียบเลย พนักงานก็เต็มใจให้ข้อมูล แบบอยากขายค่ะพี่ พี่สนใจดูรุ่นไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ แบบนี้ก็ขอลองขอดูหน่อยสิครับ จนสุดท้ายมีให้เลือกไม่มากนักเพราะโจทย์แรกก็คือ ต้องเป็นฟูลไซส์คีย์บอร์ด ก็เลยจบมาที่ Keychron K10 Silent Redswitch. ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Keychron ของผม

หลังจากได้ใช้งาน Keychron K10 Silent ได้ซักระยะนึงก็รู้สึกว่า พิมพ์สนุกมือดี เลยอยากได้ไว้ใช้งานที่ออฟฟิศบ้าง ก็เลยหาข้อมูลบวกกับมองถึงรูปแบบการใช้งานของตัวเอง ก็เลยสั่ง Keychron K2 Pro มาใช้งานที่ออฟฟิศอีกตัว แถมรอบนี้ มองหา Keycap เตรียมเอาไว้ด้วยเลย ซึ่งก็ตามคาด Keycap ส่งมาถือมือก่อนคีย์บอร์ดซะอีก ซึ่งตัว Keychron K2 Pro พื้นฐานเดิมตัว Keycap เดิมก็จะเป็นแบบ PBT ที่สัมผัสจะออกสากๆกว่า ABS อยู่นิดนึง และที่สั่งมาเปลี่ยนก็เป็น PBT เหมือนเดิม ก็เลยได้สัมผัสที่ไม่ได้แตกต่าง และสำหรับเหตุผลที่เลือกซื้อเป็นรุ่น Pro ก็เพราะอยากลองเล่น VIA ดู ซึ่งผมสามารถคัสตอมปุ่มต่างๆ หรือสร้างมาโคร, ช็อตคัทต่างๆ บนคีย์บอร์ดได้อย่างง่ายๆ นั่นเอง แต่สิ่งที่ค้นพบก็คือ มันคือคีย์บอร์ดที่ใช้แล้วถูกใจที่สุด ถูกใจกว่า K10 silent อยู่เยอะเลย เพราะเจ้าตัว K2 Pro ผมเลือกเป็น Brown Switch ซึ่งพิมพ์ได้มันกว่า แต่ก็ยังเกรงใจเพื่อนร่วมงานที่ทำงาน เลยยังไม่ได้เลือกเอาเป็น Blue Switch ไปใช้

หลังจากที่ใช้แล้วถูกใจอยากพกไปไหนมาไหนด้วยเลย เพราะซีรีส์ K เป็นคีย์บอร์ดที่สามารถใช้งานแบบไร้สายได้ ซึ่งผมสามารถนำมาเชื่อมต่อกับ iPad ได้อีกด้วยก็เลยอยากที่จะพกพาเอาไปใช้งานกับ iPad แต่ก็มาค้นพบข้อจำกัดของมันซึ่งก็คือ น้ำหนักครับ ด้วยตัวบอดี้ที่เป็นอลูมิเนียม เลยทำให้เจ้า Keychron K2 Pro ค่อนข้างจะหนักไปสำหรับการพกพาไปใช้งานข้างนอกเลยเป็นที่มาของน้องเล็ก Keychron K7 Pro

สำหรับ Keychron K7 Pro เหตุผลในการเลือกซื้อคราวนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่มันสามาถใช้งาน VIA ได้ซักเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะถูกใจในความเป็นคีย์บอร์ดที่มีการ Pre-Lube มาจากโรงงานนั่นเอง เพราะประทับใจในสัมผัสของ K2 Pro พออยากได้ Low-Profile มาใช้ก็ขอใช้รุ่นโปรด้วยเลยละกัน และก็สามารถใช้งานได้ดีสัมผัสถือว่าดีทีเดียว แบบว่า หลังๆ รู้สึก Keyboard ของ MacBook พิมพ์ยากขึ้นซะงั้น แต่ก็ยังไม่รู้สึกดีเท่ากับตอนพิมพ์ K2 Pro นะครับ

ความเห็นส่วนตัวหลังจากได้ใช้งานจริงๆ ของ Keychron ทั้ง 3 รุ่นแล้วก็พบว่า ส่วนตัวชอบ High-Profile มากกว่า Low-Profile แล้วก็ชอบ Brown switch มากกว่า Red switch ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่ายังไม่เคยลองใช้งาน Blue Switch ของ Keychron เลยนะครับ รวมถึงสัมผัสของ Keycap แบบ PBT ให้ความรู้สึกดีกว่า ABS อยู่พอสมควร รวมๆ แล้วก็ลงตัวตรงที่ K10 silent ใช้งานที่คอมที่บ้าน เพราะคุณแจนอยากให้มี Numpad ด้วย K2 Pro ใช้งานที่ออฟฟิศ เพราะได้ใช้งานบ่อยสุด ส่วน K7 Pro บางๆ เอาไว้พกออกไปใช้นอกสถานที่กับ iPad 

ทิ้งท้ายไว้ว่า นอกจาก Keyboard แล้วผมก็ได้ใช้ Mouse ของ Keychron อีก 2 ตัวนะครับ เป็นรุ่นเดียวกัน Keychron M3 สั่งพรีออร์เดอร์กับศูนย์ไทยได้สีดำมา 1 ตัว และก็สั่งออนไลน์บน Shopee ได้สีขาว มา 1 ตัว (ตอนที่ซื้อศูนย์ไทยยังไม่เอาสีขาวมาขาย) ที่ราคาถูกกว่าพอสมควร แต่ไม่มีประกันในไทยนะครับ เป็นเม้าส์ไร้สายที่เบามากๆ และก็ใช้งานได้ดีเลย ลองไปค้นๆ หาดูนะครับ

svg1 min read

Leave a reply

me:

จากประสบการณ์ที่อยู่ในตลาดของอินเตอร์เน็ตเมืองไทย (ตั้งแต่ปี 1999) ผมได้ผ่านอะไรหลายๆอย่าง ผ่านยุคผ่านสมัยต่างๆของ เทคโนโลยี และในปัจจุบันก็ยังสามารถเอาชีวิตรอดอยู่ในธุรกิจนี้ เพียงแต่จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา

ตอนนี้ผมทำงานเกี่ยวกับ Influencers โดยเฉพาะบน YouTube ใครสนใจหรืออยากได้คำแนะนำในการทำเนื้อหาบน YouTube ยินดีพูดคุยกันนะครับ

ป.ล. ผมเลี้ยงง่าย แค่กาแฟถ้วยเดียวก็พอครับ

Twitter feed is not available at the moment.