เริ่มบันทึกการฝึกมอมแมม ลูกชายสุดที่รักของทั้งบ้าน ที่เหมือนจะเริ่มเกือบสวยแล้วแท้ๆ เพราะตั้งแต่เด็ก เข้าคลาส Recallers ของ Susan Garrett ก็เหมือนจะไปได้สวย ทำได้ดีในหลายๆ อย่าง แต่มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้มอมแมม มีพฤติกรรมที่ต้องแก้ไขเยอะเลย ตั้งแต่เริ่มเป็นหนุ่ม เจอเหตุการณ์ โดนกระโดดกดหลังจากหมาตัวอื่น นั่นคือครั้งแรก ที่รู้สึกไม่พอใจตัวอื่น โดนเพื่อนๆ ที่เล่นด้วยกันมากัด ทั้งโรเจอร์ ช่วงเป็นหนุ่ม เพราะวันนั้นที่สระว่ายน้ำ มีหมาตัวเมียกำลังปล่อยกลิ่น ทำให้เจอร์ไม่สนใจความสัมพันธ์พี่น้องที่เคยมีมา โดนเพื่อน BC ที่เกิดเดือนเดียวปีเดียวกันงับ เพราะกำลังเป็นหนุ่มเหมือนกัน
ถ้าจะต้องหาผู้ต้องสงสัยในงานนี้ คงต้องเป็นครูเข็มแล้วล่ะครับ เพราะปกติ เวลามีปัญหาในการฝึกหมา ก็มักจะพูดคุยกับครูเข็มเรื่อยๆ แล้วอยู่ๆครูเข็มก็ส่งโปรโมชั่น ลดราคาเข้าคอร์สฝึกหมา คอร์สหลักของ Susan มาให้ มันคือ คอมโบ Handling 360 รวมกับ Agility Nation ซึ่งรวมๆ ราคาลดแล้วห้าหมื่นกว่าบาท (นี่ลดแล้วเหรอเนี่ย) ซึ่งเคยตั้งใจอยากลงเรียนคอร์สนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่คุยกับสตาฟ เค้าแนะนำให้ลง Recallers ก่อนจะดีกว่า เพราะถ้ายังเป็นลูกหมา แล้วเรายังไม่ค่อยมีความรู้ ก็อยากให้พื้นฐานแน่นไว้ก่อน สรุปพอคำนวณไปๆมาๆ ก็เลยตัดสินใจ
ถึงวันนี้ก็ผ่านไปประมาณ 3 เดือนกว่าๆ แล้วกับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งวันที่นั่งเขียนโพสต์นี้อยู่ ก็ใช้งานไปประมาณ หมื่นกว่าโล ซึ่งพรุ่งนี้เช้าก็ต้องเอารถเข้าไปเช็คตามระยะ แต่ที่น่าสนใจก็คือ ได้โทรจองคิวเพื่อเช็คระยะ ก็เลยถามค่าใช้จ่ายโดยประมาณไว้ล่วงหน้า ซึ่งฝ่ายบริการแจ้งมาว่า ก็จะมีค่าโน่นนี่นั่น ถอดล้อ ทำความสะอาดเซ็นเซอร์ต่างๆ รวมล้างรถด้วย ทั้งหมดน่าจะประมาณ สี่ร้อยกว่าบาท !! แต่ก่อนอื่น ก่อนเริ่มเรื่อง มันเกิดขึ้นมาจากที่ Ford คันเก่ามันเริ่มงอแง เพราะขับใช้งานประมาณ สองแสนกว่าโลไปแล้ว เริ่มมีปัญหาที่ก้ามปูเกียร์ ก็ต้องเสียเงินเปลี่ยน แต่จริงๆ ก็ถือว่าเป็นอาการแรกที่มีปัญหาแบบรถขับไม่ได้นะ
เริ่มเดือนนี้ด้วยความตกใจ เพราะตอนปลายเดือนก็ไม่คิดว่า จะได้เป็น 15% BB แต่สุดท้ายเป็นได้ก็ดีเพราะรายได้ก็มีมาใช้ได้เลย ทำให้เดือนนี้เราเลยเครียดว่า ทำไงดี เดือนนี้บางคนที่เราปิดคอร์สมา เค้าเข้ามาช่วงกลางเดือนหรือบางคนก็ปลายเดือนแล้ว ของยังมีอยู่แน่ๆ จะปิดเพิ่มต้องหาคนใหม่เพิ่มแล้ว ก็เริ่มออกไปคุยเพิ่มกันตั้งแต่ต้นเดือนเลย แต่แล้วอุปสรรคมันก็จะมีมาเรื่อยๆ เปิดเดือนกรกฎาคม ด้วยความที่เป็นเดือนแรกของครึ่งปีหลัง ที่บริษัทเลยจัด workshop สำหรับผู้บริหาร ก็มากันทุกประเทศเลย วีคแรกเลยมาจบที่เข้า workshop ยังโชคดีที่หาเคสทำได้ในช่วงท้ายๆ สัปดาห์ แต่ก็ปิดไม่ได้ จนล่วงเลยมาในสัปดาห์ที่ 2 เคสต่างๆ ก็แทบปิดไม่ได้เลย คราวนี้ก็เริ่มกดดันแล้ว
เดือนนี้เป็นเดือนที่ครบปีพอดี กับการพบกันของเรากับมอมแมม ไม่สิ ต้องเรียกชื่อฝรั่งเค้่าก่อน เพราะตอนเจอกันครั้งแรก เค้าชื่อ Howie แบบที่ยัยยาย ตั้งไว้ให้ (ยัยยาย คือ บรีดเดอร์ เจ้าของฟาร์ม Black Diamond Charm) จำได้ว่า ครั้งแรกที่ไปงาน ก็แค่อยากพาแจนไปงานมีทติ้งที่มีน้องหมาเยอะๆ เพราะเคยเห็นแจนยิ้มไม่หุบเลย ตอนไปงาน เพ็ทเอ็กซ์โป ซึ่งก็เลยได้ไปเห็นเหล่า เชลตี้เพียบเลย ก็แฮปปี้กันไป แต่บังเอิญ ในงาน คุณปูเป้ ก็เอาเจ้าหมาเด็กๆ มาด้วยและหนึ่งในนั้นก็คือ
จักรยานกับผม เป็นอะไรที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เลยก็ว่าได้ครับ จนถึงวันนี้ ก็ยังคงอยู่กับจักรยานเสมอๆ ถึงแม้ว่า จะไม่ค่อยได้ไปออกทริปแบบจริงๆจังๆ หรือแม้แต่เอาไปปั่นรอบๆสนามบิน ที่สนามปั่นจักรยานเจริญสุข มงคลจิต หรือสกายเลน นั่นเองครับ และแล้วเวลาที่บรรดานักปั่นทั้งหลายต่างรอคอยกันอยู่ก็คือการสิ้นสุดช่วงเวลาหน้าฝน ที่หลายคนอยากออกไปปั่นจักรยาน แต่ติดตรงที่ไม่อยากเปียกฝนเนี่ยสิ ช่วงเวลาหน้าฝนจึงเป็นช่วงเวลาขุนตัวเองให้อ้วน ก่อนที่จะมาปั่นกันเต็มที่ในช่วงหน้าหนาว ที่หนาวกันจนรักแร้เปียกกันเลย และตอนที่เขียนโพสต์นี้ ก็อยู่ช่วงปลายเดือนตุลาคม เตรียมเข้าเดือนพฤศจิกายน ก็เลยเป็นช่วงเวลาที่จะได้ปั่นจักรยานบ่อยขึ้นนั่นเองครับ แต่รอบนี้ ไม่ใช่การเอาจักรยานไปออกทริป หรือ เอาออกไปปั่นตามสนาม หรือสวนใดๆครับ มันคือการเอาออกมาใช้แทนรถยนต์ ใช้เพื่อเดินทาง จากบ้านไปทำงานครับ อ้างถึงสาเหตุแค่ชอบปั่นจักรยาน คงยังไม่เพียงพอกับการเอาจักรยานมาเป็นพาหนะ เพื่อใช้เดินทางระหว่างบ้าน กับ ที่ทำงาน (ร่มเกล้า ไป สาทร) ซึ่งระยะทางก็ เที่ยวละประมาณ 30 กิโลเมตรกันเลยครับ แต่ด้วยเดิมที ไม่ได้ใช้รถมาตลอดหลายปี การเดินทางส่วนใหญ่
ในฐานะอดีตเจ้าของร้านกาแฟอินดี้ เมื่อหลายปีก่อน ต้องบอกเลยว่า ทุกๆวัน ต้องมีกาแฟเป็นส่วนประกอบนึงในชีวิต หรือจะเรียกง่ายๆว่า มีอาการของคนติดกาแฟนั่นเอง เพราะถ้าวันไหนรีบๆเร่งๆ แล้วลืมชงกาแฟกิน จะมีอาการปวดหัวขึ้นมาทันที เลยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่กาแฟ จึงกลายมาเป็นอีกเรื่องที่ผมสนใจมาก ซึ่งก็รวมไปถึงความสนใจที่จะมองหาเครื่องดื่มในรูปแบบใหม่ๆ มาลองลิ้มชิมรสกันอยู่เรื่อยๆ Cold Brew (โคลบริว / โคลบรู) อ่านยังไง ก็แล้วแต่ความถนัด เป็นวิธีการทำการแฟที่ไม่ได้มีอะไรใหม่เลย เพราะการทำกาแฟสกัดเย็น ที่ต้องใช้ระยะเวลาหลายชั่วโมง มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะกว่าจะได้กินแต่ละแก้ว นั่นคือต้องผ่านระยะเวลาสกัดอย่างน้อยๆ ก็ 12 ชั่วโมง น่าจะไม่ค่อยทันกินซักเท่าไหร่ แต่กับร้านกาแฟ Starbucks ไม่ได้คิดแบบนั้น เมื่อ Starbucks เริ่มนำเครื่องดื่ม Cold Brew เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา ซึ่งแรกๆ ก็ไม่ค่อยมีคนสนใจมากนัก เพราะจริงๆแล้วคนไทยติดตรงที่กินกาแฟ ต้องมีความหวาน
สำหรับผมแล้ว ต้องยอมรับว่าไม่ใช่สาวกของท่านศาสดา Steve Jobs ซักเท่าไหร่ เพราะจากที่เคยลองซื้อ iPhone มาใช้แล้วก็เปลี่ยนใจขายทิ้งภายในเวลาเดือนเดียว ในสมัย iPhone4 (ตอนนั้นสาเหตุหลักคงเป็นเรื่อง keyboard ที่ไม่คุ้นเคยเลย) แต่ก็มีเพียงคอมพิวเตอร์ ที่ผมยังคงใช้งาน Mac อยู่นั่นเอง ทั้ง iMac และ MacBook Air ถึงแม้ว่าตอนนี้ MacBook Air ที่เป็นส่วนตัวจะถูกแฟนผมยึดไปเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงมี iMac ที่ล่าสุดก็เพิ่งไปอัพเกรดเพิ่ม SSD เข้าไปในส่วนของ OS เพื่อให้ทำงานได้ไวขึ้น และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา จะค่อนข้างโอเคกับ Products ของทางฝั่ง Google มากกว่า ทำให้โทรศัพท์มือถือที่ผมใช้จะเป็น Android ทั้งหมด และได้มีโอกาสได้ใช้งาน Nexus Phone
me:
จากประสบการณ์ที่อยู่ในตลาดของอินเตอร์เน็ตเมืองไทย (ตั้งแต่ปี 1999) ผมได้ผ่านอะไรหลายๆอย่าง ผ่านยุคผ่านสมัยต่างๆของ เทคโนโลยี และในปัจจุบันก็ยังสามารถเอาชีวิตรอดอยู่ในธุรกิจนี้ เพียงแต่จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
ตอนนี้ผมทำงานเกี่ยวกับ Influencers โดยเฉพาะบน YouTube ใครสนใจหรืออยากได้คำแนะนำในการทำเนื้อหาบน YouTube ยินดีพูดคุยกันนะครับ
ป.ล. ผมเลี้ยงง่าย แค่กาแฟถ้วยเดียวก็พอครับ
Twitter feed is not available at the moment.